กิฟฟารีน อาหารเสริมกับข้อควรระวัง สำหรับบางโรค

ข้อห้ามอาหารเสริม,กิฟฟารีน ข้อห้ามอาหารเสริม,ข้อควรระวัง อาหารเสริม,โรคที่ห้ามทานอาหารเสริม,อาหารเสริมกับโรคที่ห้าม,ข้อควรระวัง สำหรับอาหารเสริม,กิฟฟารีน โรคอะไรบ้างห้ามทานอาหารเสริม

กิฟฟารีน อาหารเสริมกับข้อควรระวัง สำหรับบางโรค

 

กิฟฟารีน อาหารเสริมกับข้อควรระวัง สำหรับบางโรค ปัจจุบันอาหารเสริมได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตของเรามากขึ้นเพราะด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นมากมาย โดยส่วนใหญ่แล้วสาเหตุหลักเกิดจากการรับประทานอาหารในแต่ละวัน หรือเกิดจากกรรมพันธุ์ ฉะนั้นแล้วเมื่อเราเล็งเห็นถึงวิธีป้องกันโดยการรับประทานอาหารเสริมเพื่อเป็นการป้องกันและบรรเทาอาหารของโรคที่จะเกิด เราจึงควรมาเพิ่มเพิ่มความรู้ ในเรื่องข้อควรระวังการทานซึ่งวันนี้ Giffarineclub ได้รวบรวมมาให้ทุกๆท่านได้อ่านแล้วค่ะ

 

-สตรีมีครรภ์

ไม่ควรรับประทานอาหารเสริมทุกชนิด ในทุกช่วงของการตั้งครรภ์ทั้งนี้เพราะความปลอดภัยของครรภ์ แต่เมื่อคลอดแล้วก็สามารถรับประทานอาหารเสริมได้ปกติ ส่วนถ้าจะทานสมุนไพรไม่ควรทานในช่วงให้นมบุตร ให้แนะนำวิตามิน โปรตีน แคลเซียม น้ำผลไม้ น้ำมันปลา และขิง ได้

-ผู้ป่วยในโรงพยาบาล

ไม่แนะนำอาหารเสริมทุกชนิด เพราะอาจจะไปรบกวนการรักษาของแพทย์ได้ หรือคนไข้บางรายอาจจะมีภาวะที่ตับ  ไตไม่แข็งแรง เป็นต้น

-เด็กต่ำกว่าอายุ 3 ปี

ไม่ควรให้ทานอาหารเสริมทุกชนิด เพราะถ้าไม่สบายจะเป็นอันตรายได้จะต้องทำการตรวจโดยแพทย์ ที่สำคัญถ้าเด็กเกินไปอาจจะเคี้ยวหรือกลืนยาไม่ค่อยได้ทำให้ติดคอได้

-นิ่วในไต

ควรระวังในการทานแคลเซียม เพราะผู้ป่วยบางรายอาจเพิ่มการขับแคลเซียมในปัสสาวะ เกิดการตกตะกอนทำให้นิ่วโตได้ ถ้าจะทานอาหารเสริมควรได้รับการตรวจแคลเซียมในปัสสาวะก่อน

-นิ่วในถุงน้ำดี

ห้าม ขมิ้น อาร์ทิโชก และว่านชักมดลูก เพราะอาหารเสริมทั้งสามตัวเพิ่มการหลังน้ำดีอาจจะเร่งการโตของนิ่วได้ แต่สำหรับคนที่ได้รับการผ่าตัดถุงน้ำดีแล้ว ก็สามารถรับประทานได้ปกติ

-โรคลมชัก โรคจิต  โรคซึมเศร้า

ไม่แนะนำให้ทานอาหารเสริมทุกประเภท เว้นแต่ได้รับการแนะนำจากแพทย์ก่อน เพราะอาจจะรบกวนยาที่ทานของโรคนี้ได้ ส่วนใครที่เป็นโรคออทิสติก ควรให้แพทย์พิจารณาก่อนเพราะผู้ป่วยแต่ละรายจะได้รับยาที่ต่างกัน เช่น อาจจะมียากันชัก ยารักษาทางจิตเวชอื่นๆ ด้วย

-เบาหวาน

คนที่เป็นโรคนี้ ห้ามลดน้ำหนักด้วยอาหารเสริมทุกชนิด และห้ามงดหรือลดอาหารในบางมื้อ เว้นแต่ได้ทำการปรึกษาแพทย์ที่รักษาแล้ว เพราะจะทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป จนเป็นอันตรายได้เนื่องจากผู้ที่เป็นเบาหวานจะได้รับยาลดน้ำตาลในเลือดซึ่งเป็นยารักษาโรคเบาหวาน แต่ถ้ามีความจำเป็นในการลดน้ำหนักจะต้องปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษา ว่าจะสามารถปรับยาเบาหวาน ที่สำคัญจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น

-โรคหัวใจ อัมพาต เลือดข้น เลือดหนืด  เส้นเลือดตีบ เส้นเลือดอุดตัน (ผู้ป่วยมักจะได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เกล็ดเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด)

ถ้าจะทาน แปะก๊วย โสม กระเทียม น้ำมันปลา เห็ดหลินจือ ว่านชักมดลูก เจียวกู่หลาน น้ำมันพริมโรส โคเอนโซม์คิวเทน สารสกัดจากเมล็ดองุ่น ขิง โกโก้ ชาเขียว น้ำมันมะกอก เรสเวอราทอล ไลโคพีน ขมิ้นชัน จะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ สำหรับผู้ที่มีประวัติเส้นเลือดแตกในสมอง เลือดออกในทางเดินอาหาร หรือผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ เลือดออกง่าย หรือกำลังทานยาต้านการแข็งของเลือด ยาละลายลิ่มเลือด เพราะอาหารที่กล่าวมาข้างต้นจะมีผลต่อเลือดทำให้เลือดออกง่าย หยุดได้ยาก

-โรคจีซิกพีดี  (G6PD)

ใครที่เป็นโรคนี้ ห้ามมะรุม และถั่วปากอ้า เพราะจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ปัสสาวะมีสีดำ และเป็นอันตรายต่อไตได้ คนที่เป็นโรคนี้ปกติแล้วไม่เป็นอันตรายเว้นแต่ไปทานมะรุมและถั่วปากอ้า และยาบางตัวที่เป็นข้อห้าม ฉะนั้นเวลาจะทานยา หรือไม่สบายต้องแจ้งแพทย์เสมอว่าเป็นโรคนี้อยู่

-โรคตับแข็ง และโรคตับทุกชนิด (ที่มีเอนไซม์ของการทำงานของตับสูง คือ ค่า SGOT SGPT มากกว่า 40 IU แสดงว่าตับกำลังอักเสบ)

ต้องห้ามสมุนไพรทุกชนิด เช่น โสม เห็ดหลินจือ ใบบัวบก แปะก๊วย ฟ้าทะลายโจร กราวเครือ ว่านชักมดลูก ทับทิมเม็ด มะรุม เจียวกู่หลาน รวมทั้งสารสกัดจากชาเขียว เพราะเป็นสมุนไพร จึงมีสารสำคัญที่เป็นยาอยู่มากจะส่งผลให้ตับทำงานหนัก แม้กระทั่งยาแผนปัจจุบันทุกชนิด บางตัวก็มีข้อห้ามและข้อควรระวัง ซึ่งจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทาน ถ้าเป็นไวรัสตับอักเสบบีที่ยังไม่รุนแรงถึงขั้นตับแข็ง แนะนำให้ทาน ถั่งเช่า หรือ อาร์ทิโชก ได้

-ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ

ให้ห้ามสมุนไพรทุกชนิด เพราะอาจจะไปรบกวนยาที่รักษาภูมิต้านทานและอาจจะมีผลเสียต่อโรคได้

-วัณโรค ที่กำลังได้รับยามะเร็ง ที่กำลังได้รับเคมีบำบัด

ผู้ป่วยที่กำลังทานยารักษาวัณโรคอยู่ หรือกำลังได้รับการรักษาโรคมะเร็ง หรือเคมีบำบัดอยู่ แม้กระทั่งกำลังฉายแสง ควรงดการทานสมุนไพรทุกชนิด เพราะระยะที่กำลังได้รับการรักษาสิ่งเหล่านี้ตับจะทำงานหนักมาก ควรควรงดสมุนไพรก่อน ถ้าทำการรักษาเสร็จสิ้นหรือให้เคมีบำบัด จบครอส์แล้วก็ให้ทานสมุนไพรได้ ส่วนโรควัณโรคควรหยุดให้ยา แล้ว 1-2 อาทิตย์ ก็สามารถทานสมุนไพรได้

-โรคไต

คนที่เป็นโรคไตระยะสุดท้าย หรือได้รับการล้างไตฟอกเลือด หรือมีอาหารบวม ควรหลีกเลี่ยงผลไม้ น้ำผลไม้ น้ำเกลือแร่ น้ำด่าง น้ำแมกนีเซียม หรือต้องทำการปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทาน เพราะอาจจะมีโพแทสเซียมสูงในเลือดและเกิดอันตรายต่อไตได้

-เนื้องอก ซีสต์ที่มดลูกรังไข่ เต้านม

ควรระวังหรือหลีกเลี่ยงการทานสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นเอสโตรเจน เช่น ว่านชักมดลูก กราวเครือขาว ตังกุย เพราะอาหารเสริมหรือสมุนไพรเหล่านี้อาจจะเป็นตัวส่งเสริมโรคให้มากขึ้นได้ หรือถ้าจะรับประทานควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

 

สนใจสมัครตัวแทนหรือสั่งซื้อ ติดต่อ id : @clubgiff / T.083-462 5537

สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : Giffarine Club
Email : imkanokwan1980@gmail.com
โทร. 083-4625537 /Line id : @clubgiff

Facebook Comments