กิฟฟารีน ปุ๋ยกะหล่ำปลี ผักกาดขาว กะหล่ำดอก เร่งการห่อ หัวแน่น ดอกขาว
กิฟฟารีน ปุ๋ยกะหล่ำปลี ด้วยอาชีพเกษตรกรรมของคนในประเทศไทย และพืชผักที่ปลูกก็มีหลากหลายชนิด ปุ๋ยจึงมีความจำเป็นสำหรับพืชพรรณเหล่านั้น วันนี้เราจะนำเสนอปุ๋ยบำรุงพืชตระกูลกระหล่ำ เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักกาดขาว พืชตระกูลกะหล่ำแยกเป็น 3 สายพันธุ์ ประกอบด้วย กะหล่ำปลีขาว กะหล่ำปลีม่วงและกะหล่ำปลีใบย่น มาดูกันนะคะว่าเราจะบำรุงด้วยปุ๋ยสูตรอะไรบ้างเพื่อผลผลิตที่มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของท้องตลาด และที่สำคัญ ใช้ต้นทุนต่ำ
-ช่วงแช่เมล็ด ใช้ เจอร์มิเนท แช่ 1 ชั่วโมง ( อัตราส่วน 5 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร )
– ระยะผักมีใบจริง 2 ใบ
-เกรทกรีน ปริมาณที่ใช้ 3 ซีซี
-โบโร-แคล ปริมาณที่ใช้ 10 กรัม
-เม็กก้า-ซิงค์ ปริมาณที่ใช้ 10 กรัม
-ปุ๋ย 20-20-20 ปริมาณที่ใช้ 100 กรัม
-ท็อปเอ็น ปริมาณที่ใช้ 50 ซีซี
หมายเหตุ: ฉีดพ่น ทุกๆ 5-7 วัน(ต่อน้ำ 20 ลิตร)
– ระยะเติบโต จนถึงเก็บเกี่ยว (ทั้ง 2 ช่วงนี้ ใช้ปุ๋ยสูตรเดียวกัน)
-เกรทกรีน ปริมาณที่ใช้ 3 ซีซี
-โบโร- แคล ปริมาณที่ใช้ 10 กรัม
-เม็กก้า-ซิงค์ ปริมาณที่ใช้ 10 กรัม
-ปุ๋ย 20-20-20 ปริมาณที่ใช้ 100 กรัม
-ท็อป-เอ็น ปริมาณที่ใช้ 50 ซีซี
หมายเหตุ: ฉีดพ่น ทุกๆ 5-7 วัน (ต่อน้ำ 20 ลิตร)
– ระยะห่อหัว
-เกรทกรีน ปริมาณที่ใช้ 3 ซีซี
-โบโร-แคล ปริมาณที่ใช้ 10 กรัม
-ปุ๋ย 6-20-30 ปริมาณที่ใช้ 100 กรัม
-ไบร์ทกรีน ปริมาณที่ใช้ 5 ซีซี
หมายเหตุ: ฉีดพ่น ทุกๆ 5-7 วัน (ต่อน้ำ 20 ลิตร)
ปุ๋ยกะหล่ำปลี , ผักกาดขาว / 5 ไร่ เซ็ทละ 4,800 บ.
เกรทกรีน 1 ลิตร / ราคาสินค้า 460 บาท
โบโร แคล 1 กก. / ราคาสินค้า 984 บาท
เมกก้า ซิงค์ 1 กก. / ราคาสินค้า 920 บาท
ท็อป เอ็น 2 ลิตร / ราคาสินค้า 800 บาท
ไบร์ทกรีน 500 ซีซี / ราคาสินค้า 460 บาท
ปุ๋ย 20-20-20 3 กก. / ราคาสินค้า 936 บาท
ปุ๋ย 6-20-30 1 กก. / ราคาสินค้า 240 บาท
เจอร์มิเนท : สารสกัดชีวภาพ 100 %
เป็นกรดอะมิโน 19 ชนิด ในรูปของกรดอะมิโนอิสระ ที่สามารถดูดซึมเข้าสู่เซลล์พืชอย่างรวดเร็วและเป็นจำนวนมาก พืชสามารถนำไปใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องย่อยสลายอีก
วัตถุประสงค์
-ใช้แช่เมล็ดก่อนเพื่อการงอก 100% และทำให้ต้นกล้าแข็งแรง เปอร์เซ็นต์รอดสูง
-ใช้ฉีดพ่นทางใบ เพื่อกระตุ้นการเกิดยอดใหม่ หรือ ช่วยการออกดอกและติดผล
-ฉีดพ่นเมื่อพืชอยู่ในสภาวะเครียด เช่น กระทบหนาวจัด
-เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช
เมื่ออยู่ภายใต้สภาวะที่ไม่เหมาะสม หรือสภาวะแวดล้อมที่ไม่ปกติ เช่น อากาศหนาวหรือร้อนผิดปกติ ในภาวะดังกล่าว เอ็นไซม์ต่างๆ จะไม่ทำงาน ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก เอ็นไซม์ไม่ได้ถูกสร้างหรือถูกสร้างน้อยเกินไป จนทำให้พืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างปกติ การใช้เจอร์มิเนท จะช่วยให้พืชสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ตามปกติ หรือลดการเสียหายลงไป
นอกจากนี้หน้าที่หลักๆ แล้ว เจอร์มิเนท ยังช่วยพืชในขบวนการสังเคราะห์แสงและขบวนการหายใจด้วย
-เพื่อช่วยในการงอกของเมล็ด
ขณะที่เมล็ดกำลังงอก โปรตีนที่ถูกสะสมไว้ในเมล็ด จะถูกย่อยสลายมาเป็นกรดอะมิโน เพื่อนำมาใช้ในการสร้างโปรตีนที่จำเป็นในการเจริญเติบโตของยอดและรากที่จะเกิดใหม่ การใช้เจอร์มิเนท จึงเป็นเสมือนการเพิ่มชนิดและปริมาณของกรดอะมิโนให้กับพืชโดยตรง ทำให้พืชได้รับเพิ่มจากที่มีอยู่แล้วหรือมีไม่เพียงพอ (ในกรณที่เมล็ดไม่สมบรูณ์) ทำให้เมล็ดพืชงอกเร็วและมีความแข็งแรงทั้งยอดอ่อนและรากอ่อน ต้นกล้าแข็งแรง
-เพื่อกระตุ้นการแตกยอดใหม่ การแตกดอก และการติดผล
ขณะที่พืชกำลังแตกยอดหรือส่วนการเจริญเติบโตใหม่ เซลล์ที่เกิดใหม่นี้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้กรดอะมิโนเพื่อการเจริญเติบโต ซึ่งพืชจะได้จากการย่อยสลายโปรตีนจากเซลล์ของใบแก่หรือสร้างขึ้นใหม่ ดังนั้น การใช้เจอร์มิเนท จึงเป็นการเพิ่มกรดอะมิโนให้กับพืชโดยตรงอีกทางหนึ่งที่พืชจะใช้ในช่วงดังกล่าว
รับปรึกษา ปัญหาพืชทุกชนิด ฟรี!
สนใจสมัครตัวแทนหรือสั่งซื้อ ติดต่อ id : @clubgiff / T.083-462 5537
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : Giffarine Club
Email : imkanokwan1980@gmail.com
โทร. 083-4625537 /Line id : @clubgiff