โบโรแคล กิฟฟารีน แคลเซี่ยม-โบรอน 9:2 สำคัญต่อพืชอย่างไร
โบโรแคล กิฟฟารีน แคลเซี่ยม-โบรอน 9:2 ความต้องการของพืชนั้น สารอาหารที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตัวอื่นเลย ก็คือ แคลเซี่ยม และ โบรอน นี่เองข้อมูลข้างล่างเราจะมาบอกถึงความสำคัญและประโยชน์ที่จะได้รับ และถ้าพืชขาดสารอาหารดังกล่าวจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อทุกท่านพร้อมแล้ว ติดตามกันต่อได้เลยค่ะ
ประโยชน์และความสำคัญของ โบโร-แคล
1. พืชต้องการแคลเซียมทุกระยะ และธาตุแคลเซียมเป็นธาตุอาหารที่ไม่เคลื่อนย้ายในพืช จึงจำเป็นต้องให้แคลเซียมแก่พืชทุกระยะการเติบโตด้วยเหมือนกัน
2. โบโร แคล ช่วยกระตุ้นการแตกรากของพืช ทำให้รากดูดน้ำ และแร่ธาตุจากพื้นดินได้มากขึ้น
3. โบโร แคล ทำให้พืชมีความทนแล้ง เพราะทำให้ระบบรากหยั่งลึก และมีปริมาณของรากมาก
4. โบโร แคล ทำให้ผนังเซลล์ของพืชมีความแข็งแรง ป้องกันการเข้าไปทำลายของเชื้อโรคและเชื้อราได้ดี
5. โบโร แคล ป้องกันโรคเชื้อราที่จะเกิดในช่วงใกล้เก็บเกี่ยว หรือหลังจากเก็บเกี่ยว เนื่องจากผนังเซลล์ของพืชมีความแข็งแรง ทำให้การระบาดของโรคเกิดขึ้นได้ช้า
6. โบโร แคล สร้างความแข็งแรงของเกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย ความแข็งแรงของรังไข่ จึงลดปัญหาการหลุดล่วงของดอกและผล
7. โบโร แคล เพิ่มอัตราการเคลื่อนย้ายอาหารจากใบไปผล หรือส่วนหัว ทำให้ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวให้น้ำหนักดี เพิ่มรสชาติ การขนส่งไม่ช้ำง่าย และที่สำคัญช่วยยืดระยะการเก็บเกี่ยวได้นานยิ่งขึ้น
แคลเซียม เป็นตัวช่วยในการคายน้ำได้ ในพืชที่ต้องออกดอก ออกผล ในช่วงที่สภาพอากาศไม่ค่อยดี แคลเซียมจึงเป็นส่วนที่มีความสำคัญกับพืชในช่วงอากาศแบบนี้เป็นอย่างมาก เช่นเมื่อพืชคายน้ำจากใบพืช 1 ซีซี. จะสามารถลดอุณหภูมิได้ถึง 15 องศาเซลเซียส จากผิวใบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของพืชแต่ถ้าพืชสังเคราะห์มาทั้งวันหรือสังเคราะห์แสงมากเกินไปและอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้นอาจจะทำให้พืชมีอาการใบไหม้ แต่ถ้ามีการสะสมแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอแล้วก็จะช่วยป้องกันปัญหาการไหม้ของพืชได้
โบรอน เป็นตัวที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาลให้กับพืช ซึ่งเป็นสารที่มีความสำคัญต่อพืชซึ่งเกิดจากโพแทสเซียมเพราะถ้าพืชมีการคายน้ำมากอาจทำให้พืชมีการใช้พลังงานที่มาก โบรอนจึงเข้ามาทำหน้าที่นำสารที่เป็นพลังงานมาให้กับพืช
ดังนั้นแคลเซียม และโบรอนจึงมีความสำคัญกับพืชเป็นอย่างมากต่อพืชผัก และผลไม้นอกฤดูกาล และการฉีดแคลเซียมโบรอนในช่วงที่ก่อนดอกเริ่มบานจะช่วยในการขยายเซลล์ได้อีกด้วย เพราะจะทำให้ติดดอกเป็นจำนวนมากในผลไม้ ทำให้เกิดการแบ่งเซลล์ ซึ่งถือเป็นสิ่งดีต่อเกษตรกรในการเพิ่มผลผลิต
วิธีใช้ มี 2 แบบ
1. ใช้กับพืชปกติ
– ใช้โบโร-แคล 1 ช้อนตวง ( 5 กรัม ) ต่อน้ำ 20 ลิตร
– ใช้ฉีดพ่น ทุกๆ 7-10 วัน พร้อมปุ๋ยทางใบ หรือพร้อมยากำจัดศัตรูพืช ห้ามใช้ผสมกับยาฆ่าหญ้า ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พืชแข็งแรง เติบโตและมีระบบรากที่ดี ขั้วดอก-ผลเหนียว ผลผลิตมีน้ำหนักดี
2. ใช้เมื่อพืชผิดปกติ หรือเกิดโรค
-เมื่อพืชเป็นโรคหรือเมื่อต้องการให้พืชต้านทานต่อโรคได้ ให้ใช้ โบโร-แคล ปริมาณ 2 ช้อนตวง ( 10 กรัม ) ต่อน้ำ 20 ลิตร ถ้าเป็นโรคมาก อาจเพิ่มเป็น 3-4 ช้อนตวงก็ได้ ให้ฉีดพร้อมกับยากำจัดเชื้อรา
-กรณีต้องการให้พืชทนแล้ง ให้ฉีดพ่น โบโร-แคล อัตรา 2 ช้อนตวง ( 10 กรัม ) ต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมกับ ท็อป-เอ็น อัตรา100 ซีซี ทุกๆ 10 วัน
ราคาสินค้า
รหัสสินค้า 50701 ขนาด 300 กรัม ราคาสินค้า 360 บาท
รหัสสินค้า 50702 ขนาด 1 กก. ราคาสินค้า 984 บาท
รับปรึกษาปัญหาพืช ฟรี!
สนใจสมัครตัวแทนหรือสั่งซื้อ ติดต่อ id : @clubgiff / T.083-462 5537
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : Giffarine Club
Email : imkanokwan1980@gmail.com
โทร. 083-4625537 /Line id : @clubgiff