อาหารเสริมควบคุมน้ำหนัก ทานง่าย เพื่อสุขภาพที่ดี
อาหารเสริมควบคุมน้ำหนัก ทานง่าย เพื่อสุขภาพที่ดี ด้วยอาหารการกินของคนในยุคปัจจุบัน ที่มีให้เลือกหลากหลาย อีกทั้งรสชาติที่แสนเอร็ดอร่อยทำให้การควบคุมน้ำหนักเป็นไปได้ยากเหลือเกิน และเป็นปัญหาสำหรับสาวๆ หรือหนุ่มๆ หลายๆคน วันนี้กิฟฟารีนขอนำเสนออาหารเสริมที่เป็นตัวช่วยในการควบคุมรูปร่างให้ยังคงสวยงามด้วยชุดผลิตภัณฑ์ แค่ใช้รับประทานก่อนทานอาหารหรือมื้อหนักๆ แค่นี้้ หุ่นสวยก็จะอยู่กับคุณ โดยไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป
คาเทชินที่อยู่ในชาเขียว ประกอบไปด้วย Epigallocatechin-3-gallate (EGCG), Epicatechin-3-gallate, Epicatechin, Epigallocatechin, Gallocatechin gallate and Catechin ในทั้งหมดนี้ สารที่มีมากที่สุดคือ Epigallocatechin-3-gallate หรือ อี จี ซี จี (EGCG) ขนาดใบชาเขียวแห้ง 1 ซอง (1.5 กรัมต่อซอง) จะให้ EGCG ประมาณ 35-110 mg EGCG นับได้ว่าเป็นสารตานอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในชาเขียว และมีปริมาณมากที่สุด มีความแรงของการต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินซี และวิตามินอี 25-100 เท่า การรับประทานชาประมาณ 1 แก้วต่อวัน จะให้สารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าการรับประทานแครอท บรอคโคลี ผักโขม และสตรอเบอร์รี่ ในขนาดที่รับประทานในแต่ละมื้องานวิจัยถึงคุณประโยชน์ของชาเขียวมีดังนี้
1. ช่วยลดความอ้วน ด้วยกลไกของการกระตุ้นปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมัน (Stimulates FatOxidation) มีรายงานวิจัยที่มีข้อมูลสนับสนุนว่า EGCG ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญพลังงานของเนื้อเยื่อไขมัน และมีรายงานการทดลองในคนแล้วว่า ช่วยลดความอ้วนได้ นอกจากนี้มีงานวิจัยที่ทำให้คนไทย โดยแบ่งผู้ที่น้ำหนักเกินเป็นสองกลุ่ม ได้รับสารสกัดชาเขียวและยาปลอม กลุ่มที่ได้รับชาเขียวมีน้ำหนักน้อยกว่า 2.7, 5.1 และ 3.3 กก. ในสัปดาห์ที่ 4,8 และ 12 ของการวิจัย
2. ช่วยลดไขมันในเลือด แม้จะลดไขมันในเลือดได้ไม่มากนัก แต่ก็มีงานวิจัยที่ดีรองรับสองงานวิจัยในการวิจัยพบว่า เมื่อรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การดื่มชาในปริมาณปานกลางหรือปริมาณมากร่วมด้วย จะลดปริมาณไขมันในเลือดชนิดไตรกลีเซอไรด์ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ในช่วง 6 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหารและดื่มชา โดยลดการเพิ่มระดับของไขมันชนิดไตรกลีเซอรไรด์ในเลือดได้ถึง 15.1-28.7% อีกงานวิจัยพบว่า ผู้ที่ดื่มชาประมาณสองถ้วยต่อวัน สามารถลดไขมันในเลือดชนิดโคเลสเตอรอลลงได้เล็กน้อย (119.9 เป็น 106.6 มก./ดล.) แต่ก็มีนัยสำคัญทางคลินิก
3. ช่วยโรคเส้นเลือดอุดตัน มีรายงานวิจัยว่า สาระสำคัญในชาเขียวสามารถลดการหดเกร็งของเส้นเลือดฝอย ลดการเกิดตะกอน (Plaque) ในเส้นเลือดฝอย ทำให้ลดอุบัติการณ์ของโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (Myocardial Infarction) และอัมพฤกษ์ อัมพาตจากเส้นเลือดตีบตัน (Stroke) นอกจากนี้ EGCG ยังเป็นตัวยับยั้งการเกิดการสันดาป Oxidation ของโคเลสเตอรอล ทำให้ลดการเกิดเส้นเลือดแข็งตัวตีบตัน (Atherosclerosis) และลดอุบัติการณ์ของโรคเส้นเลือดในปอดตีบตัน (Pulmonary Thrombosis) อีกด้วย ส่งให้เป็นผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดหัวใจ ไม่นานนี้มีงานวิจัยทางระบาดวิทยาในคนญี่ปุ่น พบว่า ผู้ที่ดื่มชาเขียวจะลดการเกิดโรคเส้นเลือดทางสมองทั้งโรคเส้นโลหิตในสมองแตก (Cerebral hemorrhage) และเส้นเลือดสมองตีบ (Cerebral infarction) ได้จริง
4. ต่อต้านอนุมูลอิสระ และต่อต้านมะเร็ง (Antioxidant and Anticancer) ชาเขียวมีผลต่อการยับยั้งการเกิดมะเร็งได้หลายชนิดทั้งในคนและสัตว์ เพราะมีฤทธิ์ทางด้านการต้านอนุมูลอิสระอย่างมาก จากการวิเคราะห์งานวิจัยที่เชื่อถือได้ของ Cochrane Database ตีพิมพ์ล่าสุดจำนวน 51 งานวิจัยทั่วโลก แม้จะมีจำนวนงานวิจัยที่จำกัด พบว่าการดื่มชาเขียวลดอุบัติการณ์เกิดมะเร็งตับ มะเร็งต่อมลูกหมาย มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งตับอ่อน
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเพิ่มเติมว่า การดื่มชาเขียวปริมาณมากยังลดการเกิดมะเร็งมดลูก (endometrial adenocarcinoma) มะเร็งเต้านม และมะเร็งถุงน้ำดี ได้อีกด้วย การดื่มชาเขียวที่ร้อนมีงานวิจัยว่าอาจเพิ่มมะเร็งหลอดอาหารในชาวตะวันออก กลางยิ่งร้อนมากยิ่งเพิ่มมาก แต่ก็พบว่ากลับลดการเกิดมะเร็งหลอดอาหารในชาวเอเชียและสำหรับคนเอเชีย อาหารที่ร้อนจัดอื่น ๆ จะเพิ่มการเกิดมะเร็งหลอดอาหาร ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือ ถ้าจะดื่มชาร้อนก็ไม่ควรให้ร้อนจัดจนเกินไป
สารสกัดในชาเขียวมีผลยับยั้งมะเร็งจำนวนมากด้วยกลไกที่หลากหลาย และมีผลต่อมะเร็งของคนได้หลายชนิดมาก งานวิจัยในเซลล์มะเร็งของคนพบว่า สารสกัดจากชาเขียวสามารถยับยั้งการเจริญการแบ่งตัว และทำลายเซลล์มะเร็งของคนเหล่านี้ ได้แก่ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ชนิดนอนฮอดกินจ์ Human high-grade non-Hodgkin’s lymphoma มะเร็งหู คอ จมูก Human head and neck squamous cell carcinoma มะเร็งตับ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาย มะเร็งสมองชนิด Medulloblatoma มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งรังไข่มะเร็งผิวหนังที่เกิดจากไผ่ Human melanoma มะเร็งตับอ่อน มะเร็งเม็ดเลือด ได้แก่ Lymphoblastoid B cells, Myeloid leukemic cells, B cell, Multiple myeloma และ HL 60 และ HL 62 มะเร็งปาก Oral carcinoma cell มะเร็งกระดูก มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งต่อมหมวกไต
ชาเขียวมีข้อควรระวังเล็กน้อย คือ ประการแรก ชาเขียวมีสารคาเฟอีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ไม่ง่วงนอน จึงเป็นที่แนะนำว่าไม่ควรรับประทานชาหรือกาแฟก่อนนอน เพราะจะทำให้นอนไม่หลับ และไม่ควรบริโภคในเด็ก นอกจากนี้ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัด (เพราะอาจเพิ่มมะเร็งหลอดอาหารได้ จากงานวิจัยตะวันออกกลาง แม้ในเอเชียจะลดมะเร็งนี้ก็ตาม)
สารสกัดจากชาเขียว อีจีชีจี จะมีคุณประโยชน์เทียบเท่ากับการดื่มชาเขียวคุณภาพดีแต่จะมีสารคาเฟอีนใน ปริมาณที่น้อยมาก ๆ คือในปริมาณเพียง 0.05 มก. ซึ่งน้อยกว่าชาเขียวที่ชงดื่มทั่วไปถึงประมาณ 900 เท่า ทำให้ไม่มีผลต่อการกระตุ้นประสาท หรือนอนไม่หลับแต่อย่างใด และไม่มีอันตรายหรือความเสี่ยงมะเร็งเพิ่มขึ้นจากการดื่มชาที่ร้อนอีกด้วย ทำให้เราได้คุณประโยชน์อย่างเต็มที่โดยปลอดภัย
อี จี ซี จี แมกซ์ ( ชาเขียว )
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล : สารสกัดจากชาเขียว (อี จี ซี จี 94%) 159.57มก. (ให้อี จี ซี จี 150มก.)
วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร
คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
รหัสสินค้า 41017
ปริมาณสุทธิ : 30 แคปซูล
ราคาสินค้า 1,320 บาท
การลดน้ำหนักด้วยการคุมอาหารเป็นวิธีที่ได้ผลกว่า เพราะถ้าออกกำลังกายแล้วมากินน้ำหวาน น้ำอัดลม หรือน้ำชาเขียวที่ใส่น้ำตาลเพิ่มความหวานทั่ว ๆ ไป จะไม่ได้ผลเลย การจะลดน้ำหนักด้วยการคุมอาหารมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้บ้าง ดังต่อไปนี้
ที่ง่ายที่สุดคือแบ่งอาหารเป็นสองอย่างคือ แบบที่ให้พลังงานจะทำให้อ้วนได้ และแบบที่ไม่ให้พลังงานจะไม่ทำให้อ้วน อาหารที่จะทำให้อ้วนคืออาหารที่ให้พลังงาน ได้แก่ แป้ง น้ำตาล และไขมัน อาหารที่อ้วนน้อยคือ เนื้อสัตว์ (เนื้อสัตว์มีโปรตีน ซึ่งจะเปลี่ยนไปเป็นพลังงานได้ แต่ถ้าราออกกำลังกายก็จะเปลี่ยนไปเป็นกล้ามเนื้อได้) อาหารที่รับประทานแล้วไม่อ้วน คือ ผัก น้ำ ส่วนวิตามินและแร่ธาตุก็ไม่ทำให้อ้วนเลย
อาหารที่ให้พลังงานแม้จะทำให้อ้วนได้แต่ก็จำเป็น การจะอ้วนนั้นจะต้องได้พลังงานจากอาหารเกินความต้องการของเราในชีวิตประจำวัน ถ้าได้น้อยกว่าความต้องการเราจะผอมลง ๆ ทุกวัน ถ้าได้พอดีจะน้ำหนักเท่าเดิม ถ้าได้มากเกินต้องการจะอ้วนขึ้น ๆ ดังนั้นจะเห็นว่า ผู้ใช้แรงงาน เช่น ก่อสร้าง แม้จะกินข้าวมื้อละสองจานพูนก็ไม่อ้วนเลยเพราะใช้พลังงานมากนั่นเอง
พลังงานที่เข้าสู่ร่างกายได้จากสารอาหาร 3 หมู่ คือ ไขมัน คาร์โบไฮเดรต (แป้งและน้ำตาล) และโปรตีน โดยไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี ส่วนโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี (สำหรับวิตามิน เกลือแร่ และน้ำไม่ให้พลังงาน) ฉะนั้นเราควรจะได้พลังงานจากอาหารแต่ละวันเท่าใด โดยประมาณขึ้นกับอายุ ความสูง น้ำหนัก และเพศ โดยประมาณในผู้ใหญ่ สุภาพสตรีต้องการพลังงานประมาณวันละ 1,800-2,000 กิโลแคลอรี ส่วนสุภาพบุรุษต้องการวันละ 2,200-2,800 กิโลแคลอรี
การประมาณอย่างคร่าว ๆ สำหรับพลังงานที่ได้จากอาหารทั่ว ๆ ไหมีดังนี้ ข้าว 1 ทัพพีหรือขนมปัง 1 แผ่นให้พลังงานประมาณ 68 กิโลแคลอรี น้ำอัดลม 8 ออนซ์ ประมาณ 105 กิโลแคลอรี นมกล่องประมาณ 140 กิโลแคลอรี ข้าวพร้อมกับ เช่น ข้าวราดแกง ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ให้พลังงานประมาณ 400-600 กิโลแคลอรี ถ้าเรารับประทานอาหารที่ให้พลังงานไม่มากเกินความต้องการก็จะไม่ทำให้อ้วน ขึ้น
การลดน้ำหนักด้วยอาหารเสริมแนวใหม่ การลดน้ำหนักด้วยอาหารเสริมมีทั้งแนวรับประทานอาหารที่เป็นใยผักที่พองตัว และรับประทานอาหารที่ถ่วงท้องโดยไม่มีพลังงาน เช่น กลูโคแมนแนน นอกจากนี้ก็มีการรับประทานอาหารที่เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน เช่น ชาเขียวและน้ำมันดอกคำฝอย ส่วนแนวใหม่คือ รับประทานอาหารเสริมที่มีการลดการดูดซึมคาร์โบไฮเดรต คือ แป้งและน้ำตาล ลดการดูดซึมแป้งด้วยสารสกัดจากถั่วขาว และลดการดูดซึมน้ำตาลทั่วไป (เช่น ซูโครส) ด้วยสารสกัดจากถั่วเหลือง
ถั่วขาว มีสาระสำคัญคือ ฟาซีโอลามิน (Phaseolamin) สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ แอลฟา-อะไมเลส (Alpha-amylase) ที่ทำหน้าที่ย่อยแป้งให้เล็กลงเป็นน้ำตาลหลายโมเลกุล (Oligosaccharide) หรือน้ำตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharide) แป้งจะต้องถูกย้อยเป็นน้ำตาลทั้งสองนี้ก่อน จึงจะผ่านกระบวนการย่อยต่อกลายเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว และดูดซึมเข้าผนังลำไส้ได้ เมื่อสารสกัดถั่วขาวไปยับยั้งรบกวนขั้นตอนนี้ก็ทำให้การย่อยแป้งยาวนานออกไป หรือแป้งถูกย่อยน้องลง และแป้งถูกขับออกทางอุจจาระมากขึ้น ดังนั้นร่างกายจะได้พลังงานจากแป้งน้อยลง
สารสกัดจากถั่วเหลือง ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ แอลฟา-กลูซิเดส (Alphaglucosidase) ที่ทำหน้าที่ย่อยน้ำตาลโมเลกุลคู่ให้เป็นโมเลกุลเดี่ยว เนื่องจากน้ำตาลที่เรารับประทานนั้น ไม่ว่าจะเป็นชนิดที่ถูกย่อยมาจากแป้ง หรือมาจากการรับประทานเข้าไปโดยตรง ส่วนมากจะเป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่ ได้แก่ น้ำตาลซูโครส (Sucrose เป็นน้ำตาลหลักที่มีอยู่ในน้ำตาลทราย น้ำอ้อย) น้ำตาลมอลโตส (Maltose มักจะมาจากการย่อยแป้งและการหมักเหล้า) และน้ำตาลแลคโตส (Lactose พบในน้ำนม) น้ำตาลเหล่านี้จะดูดซึมไม่ได้ จะต้องเปลี่ยนเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวคือ น้ำตาลกลูโคสหรือฟรุคโตสก่อนจึงจะดูดซึมได้ (Glucose, fructose) การเปลี่ยนนี้ต้องใช้เอนไซม์แอลฟา-กลูโคซิเดส (Alpha-glucosidase) ซึ่งสารสกัดจากถั่วเหลืองช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Alpha-glucosidase ตัวนี้ จึงทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลนี้ไม่ได้ หรือได้น้อยลงนั่นเอง
โดยสรุปแล้ว สารสกัดจากถั่วขาวมีสาระสำคัญคือ ฟาซีโอลามิน (Phaseolamin) สามารถบล็อกการเปลี่ยนแป้งไปเป็นน้ำตาลได้ ด้วยกลไกการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ แอลฟา-อะไมเลส
แป้ง น้ำตาลโมเลกุลคู่
เอนไซม์แอลฟา -อะไมเลส
ทำให้แป้งที่เรารับประทานเข้าไปไม่ถูกย่อย จึงไม่สามารถนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานได้ ตัวแป้งก็จะถูกขับออกจากร่างกายในรูปกากอาหารไปในที่สุด โดยมีงานวิจัยรับรองเรื่องความปลอดภัยสนับสนุน
ส่วนสารสกัดจากถั่วเหลืองนั้นก็มีรายงานวิจัยว่า มีคุณสมบัติในการบล็อคการเปลี่ยนน้ำตาลโมเลกุลคู่เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวได้ ด้วยกลไกการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ แอลฟา-กลูโคซิเดส รวมถึงมีงานวิจัยเรื่องความปลอดภัยในการรับประทานด้วย
น้ำตาลโมเลกุลคู่ น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว
เอนไซม์แอลฟา – กลูโคซิเดส
ด้วยกลไกของการ Block การทำงานของเอนไซม์ของสารสกัดทั้ง 2 ส่งผลให้ร่างกายได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตน้อยลง ทำให้เราสามารถควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น
หลักการนี้สอดคล้องกับหลักการ โลว์ คาร์บ (Low Carb) ของ ดร.โรเบิร์ต ซี แอตกินส์ ซึ่งระบุไว้ว่า สาเหตุของการเกิดโรคอ้วนของชาวตะวันตก ก็คือการรับประทานคาร์โบไฮเดรต ไม่ว่าจะเป็นแป้งหรือน้ำตาลมากเกินไป และส่วนที่เกินไปนี้ ร่างกายก็เปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมไว้ (อ้างอิงที่ 11) แต่ในชีวิตประจำวันของคนไทยซึ่งรับประทานข้าวเป็นอาหารหลักนั้น หากเราจะลดการรับประทานคาร์โบไฮเดรตลง ก็ต้องลดการรับประทานข้าว ซึ่งปฏิบัติจริงได้ยาก ดังนั้น การควบคุมน้ำหนักด้วยการรับประทานอาหารเสริมที่สามารถ Block คาร์โบไฮเดรตนั้น จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น
บล็อค โฟร์ สลิม
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล : สารลกัดจากถั่วขาว 250 มก. ไอโซเลทซอยโปรตีน 120 มก. ขิงผง 15 มก. ขมิ้นผง 15 มก.
วิธีรับประทาน : รับประทานวันละ 2 แคปซูล พร้อมอาหาร
คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
รหัสสินค้า 41009
ปริมาณสุทธิ : 60 แคปซูล
ราคาสินค้า 780 บาท
ไฮโดรไลซ์กัวร์กัม สารสกัดทับทิม และผงมะม่วงในการดูแลรูปร่าง
การรับประทานอาหาร ผลไม้ ขนม หรือเครื่องดื่มมากเกินความต้องการของร่างกายในแต่ละมื้อในแต่ละวัน เป็นประจำ จะทำให้ร่างกายเปลี่ยนอาหารส่วนเกินเหล่านี้ไปเป็นไขมันเก็บสะสมไว้ในส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา คอ แก้ม ทีละเล็ก ทีละน้อย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความอ้วนนั่นเอง
นักวิทยาศาสตร์ทางด้านอาหาร นักโภชนาการ จึงได้มีการศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการรับประทานอาหารกับความรู้สึกอิ่ม ค้นพบว่า เมื่อได้รับอาหาร ผลไม้ ขนม หรือเครื่องดื่มเพียงพอต่อความต้องการที่จะใช้พลังงานจากอาหารนั้น
สนใจสมัครตัวแทนหรือสั่งซื้อ ติดต่อ id : @clubgiff / T.083-462 5537
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : Giffarine Club
Email : imkanokwan1980@gmail.com
โทร. 083-4625537 /Line id : @clubgiff