อาหารบำรุงผิว กิฟฟารีน ผิวหน้าแข็งแรง แจ่มใส ยิ้มได้ทุกวัน

 

อาหารบำรุงผิว กิฟฟารีน ผิวหน้าแข็งแรง แจ่มใส ยิ้มได้ทุกวัน ขอนำเสนอชุดดูแลผิวคุณผู้หญิงที่เคยเจอปัญหาเหล่านี้เช่น สาวผิวมัน มีปัญหาผิวที่น่าปวดหัว อย่างรูขุมขนกว้าง สิว ผิวหน้าหยาบ สาวผิวแห้ง เองก็มีปัญหาน่ากลุ้มใจพอ ๆ กัน นั่นก็คือผิวที่แห้งมากจนกร้าน แต่งหน้าไม่ติด และเป็นสภาพผิวที่จะเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าเพื่อน เนื่องจากผิวมีความชุ่มชื้นไม่เพียงพอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพื่อการดูแลผิวแห้งให้มีสุขภาพดีได้ มาดูวิธีดูแลผิวง่ายๆ กันนะคะ

 

วิธีดูแลผิวขั้นพื้นฐานสำหรับคนผิวแห้ง

1. ก่อนอื่นเพื่อความแน่ใจว่าคุณมีผิวแห้งจริง ๆ ไม่ใช่อาการผิวแห้งชั่วครั้งชั่วคราวจากอาการแพ้ หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ คุณควรต้องมีอาการของสภาพผิวดังนี้ คือ ผิวตึง คัน มีริ้วรอย ผิวแตกแห้ง กร้าน มีอาการขาดน้ำ และผิวแดง

2. ห้องแอร์ คือสภาพอากาศที่เลวร้ายของสาวผิวแห้ง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่สาวออฟฟิศทั่ว ๆ ไปต้องเจอ การมีโลชั่นติดไว้ใกล้มือสามารถหยิบมาทาผิวได้ทุกเมื่อ ก็จะช่วยบรรเทาอาการผิวแห้งได้

3. น้ำไม่ช่วยอะไร การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้กลไกในร่างกายทำงานได้ดี ช่วยขับของเสียได้ และช่วยให้เซลล์ร่างกายอุ้มน้ำได้ดี ผิวจึงดูเปล่งปลั่งขึ้นด้วย แต่การดื่มน้ำมาก ๆ กลับไม่ได้ช่วยเติมน้ำให้ผิวแห้งได้เช่นนั้น เพราะสิ่งที่ผู้มีสภาพผิวแห้งประสบไม่ใช่การที่ผิวขาดน้ำโดยตรง แต่เป็นการที่ผิวหนังขาดกรดไขมันจำเป็นที่จะช่วยซึมซับน้ำเอาไว้ในผิวต่างหาก ฉะนั้นนอกจากการดื่มน้ำให้เพียงพอตามปกติแล้ว สาวผิวแห้งยังต้องรับประทานอาหารที่มีกรดโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ด้วย เช่น ถั่วแดง ผักโขม ธัญพืช เนื้อสัตว์ปีก เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอุ้มน้ำให้กับผิว

4. ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าปราศจากสบู่ แอลกอฮอล์ และเป็นเนื้อครีม ที่สำคัญต้องมีคุณสมบัติช่วยพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ด้วย นอกจากนี้ยังต้องหลีกเลี่ยงการขัดถูใบหน้าขณะล้างหน้า แต่ใช้การนวดวนเบา ๆ แทน และใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าปริมาณเล็กน้อยพอดีกับใบหน้าก็พอ เพราะปริมาณครีมล้างหน้าที่มากขึ้นอาจไม่ส่งผลดีเสมอไป โดยเฉพาะกับสาวผิวแห้ง

5. เลี่ยงผ้าขนสัตว์และใยสังเคราะห์ สาวผิวแห้งไม่เพียงมีผิวแห้งที่ใบหน้าเท่านั้น แต่ยังแห้งผากไปทั่วทั้งผิวกายด้วย เพราะฉะนั้นการเลือกใส่เสื้อผ้าที่ถูกกับผิวจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เลี่ยงการใส่เสื้อผ้าใยสังเคราะห์และผ้าขนสัตว์ เนื่องจากมันมักเสียดสีกับผิวทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย แถมยังเกิดไฟฟ้าสถิตระหว่างผิวกับผ้าได้ด้วย (ยิ่งเป็นผิวแห้งก็จะคันมาก ๆ) เลือกใส่แต่ผ้าฝ้าย หรือผ้าที่ได้จากเส้นใยธรรมชาติจะดีกับผิวมากกว่าค่ะ

6. ข้อนี้สำคัญมาก ๆ กับสาวผิวแห้ง นั่นคือการทามอยส์เจอไรเซอร์ให้ผิวทันทีภายใน 3 นาทีหลังการอาบน้ำ เพราะความจริงแล้วมอยส์เจอไรเซอร์เหล่านี้ไม่ได้เติมความชุ่มชื้นให้ผิวโดยตรง แต่มันช่วยให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นที่มีอยู่แล้วได้ดีขึ้นต่างหาก ซึ่งยามที่ผิวมีความชุ่มชื้นมากที่สุดก็คือช่วงหลังการอาบน้ำใหม่ ๆ นั่นเอง

 

 

 

พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง

1. ทารองพื้นหนาเตอะ แล้วออกกำลังกาย

เวลาเห็นสาวๆหลายคน แต่งหน้าแบบจัดเต็มรูขุมขนเนียบกริบไปวิ่งจนเหงื่อแตกโชก สาวๆรู้หรือไม่ว่า พวกเครื่องสำอางที่เราใช้อยู่ทุกวันทำให้ผิวหนังของเราร้อนขึ้น และเมื่อผิวหนังเราร้อนขึ้นรูขุมขนจะดูดซับสิ่งต่างๆได้มากขึ้น แล้วถ้าเราแต่งหน้าไปวิ่งไปด้วยละก็ ผลที่ตามมา คือเครื่องสำอางเหล่านั้นจะซึมเข้าไปในรูขุมขนและทำให้เกิดการอุดตันได้

เมื่อผิวอุดตันแล้ว เหงื่อและเชื้อแบคทีเรียต่างๆก็ไม่สามารถระบายออกมาได้ ผิวหน้าเราก็จะกลายเป็นแหล่งสะสมทั้งเชื้อแบคทีเรียและเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปและยังจะคราบเครื่องสำอางอีก

ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเลยให้คำแนะนำสาวๆมาว่าหากจะออกกำลังกาย ก็ควรจะทำความสะอาดผิวหน้าซะก่อน แล้วทาครีมกันแดดกับมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็เพียงพอแล้ว

2. แต่งหน้าทับของเดิม

ทำสวย มาตั้งแต่เช้าแต่ทำงานหน้ายุ่งทั้งวัน พอถึงเวลาเลิกงานก็อยากจะสวยเด้งเหมือนเดิม ถ้าเราแต่งหน้าทับของเดิม ผลร้ายที่เราไม่ค่อยทราบคือ รองพื้นจะเกาะกันเป็นก้อน เพราะมาสคาร่า จะเข้าไปอุดตันและกักเชื้อแบคทีเรียกับเหงื่อเอาไว้ น่ากลัวมาก วิธีแก้คือ หลังเลิกงานควรเช็ดเครื่องสำอางออกก่อนด้วยผ้าเปียกตามด้วยทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุง แล้วค่อยแต่งหน้าใหม่อีกครั้ง

3. ทามาสคาร่าขึ้นๆ ลงๆ

การปั๊มมาสคาร่าขึ้นๆ ลงๆ ที่เราทำทุกวันนี่มันผิด ก็คิดว่าจะได้มาสคาร่าเยอะๆซะอีก  ความจริงคือพฤติกรรมผิดๆแบบนี้ จะทำให้อากาศและเชื้อแบคทีเรียต่างๆ มันเข้าไปในหลอดมาสคาร่า ส่งผลให้เกาะกันเป็นก้อนเหนียวหนืด แย่ไปกว่านั้นอีกคือ ถ้ามีเชื้อโรคมาปนเปื้อนด้วย อาจจะส่งผลร้ายต่อดวงตาคู่สวยของเราก็เป็นได้
วิธีที่ถูกต้องแค่ดึงแปรงมาสคาร่าออกมา ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดมาสคาร่าส่วนเกินค่อยปัดลงไปบนขนตา และห้ามปั๊มโดยเด็ดขาด

4. เลือกรองพื้นผิดสีผิว

เมื่อสีคอกับสีหน้าเพี้ยนไปคนละทิศละทาง บางทีหน้าขาววอก คอดำ บางวันหน้ามองคล้ำ คอขาวเนียน อาจมีบางครั้ง เมื่อทา รองพื้นหน้า แล้วลืมทาคอ เดินออกจากบ้านมาพบเจอผู้คนมากมาย
สาวๆต้องให้ความสำคัญกับจุดนี้ให้มากๆ ขอแนะนำว่า ควรเลือกเฉดสีที่เสมอกันเลือกให้เข้ากับสีผิวจริงมากที่สุด อย่าขาวเกิน และอย่างหมองเกิน ก่อนซื้อก็ขอเทสกับท้องแขนให้แน่ใจตอนทาก็พยายามเกลี่ยสีรองพื้นให้กลมกลืนกัน

 

แอสตา คิว กิฟฟารีน

 

5. บำรุงด้วย AHA มากเกินไป

ใครๆก็อยากมีผิวหน้าใสๆกันทั้งนั้น AHA เป็นตัวที่ช่วยเราได้ในเรื่องนี้แต่ว่า ถ้าเราใช้มันมากเกินไป มันจะเกิดผลเสียอย่างไรบางทีเราก็ไม่รู้ตัวว่าสิ่งบำรุงผิวที่เราซื้อมาใช้มีส่วนผสม AHA อยู่หรือไม่ อย่างเช่น คลีนเซอร์ที่เราใช้มีกรดไกลโคลิกผสมอยู่หรือไม่ หรือจะเป็นผลิตภัณฑ์ขัดผิว เซรั่มและครีมบำรุงผิวต้องอ่านรายละเอียดของส่วนผสมให้ดี
ปกติแล้วผิวของเราจะถูกปกป้องโดยธรรมชาติอยู่แล้วแต่เมื่อเจอกรด AHA เข้าไปมากเกินไปผิวหนังก็จะบอบบาง เมื่อโดนแดดที่แรงเกินไปผิวจะถูกทำลายได้ง่าย

6. ขัดผิวหน้ามากเกินไป

การขัดผิวหนะมีประโยชน์จำนวนครั้งที่พอเหมาะจะมีผลดีกับผิว แต่ถ้ามากเกินไปจะเกิดผลเสียต่อผิว เพราะจะทำให้ผิวหนังของเราเกิดการระคายเคืองและแตกเป็นขุย และอาจจะทำให้ถึงขั้นแต่งหน้าไม่ได้เลยทีเดียวเจ๊จะไปมุดหัวอยู่ไหนละที่นี้   ข้อแนะนำคือ ไม่ควรขัดผิวเกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
สำหรับการใช้โทนเนอร์ที่รุนแรงก็เป็นการทำร้ายผิวพรรณเช่นเดียวกัน เพราะอาจจะไปทำลายชั้นผิวที่มีน้ำมันและความชุ่มชื้นตามธรรมชาติออกไป แม้แต่พวกครีมเรตินอลหรือยารักษาสิวก็สร้างผลเสียต่อผิวของเราได้เหมือนกัน

7. ไม่ชอบบำรุงผิวก่อนนอน

ความสำคัญของครีมบำรุงผิวสูตรกลางวันและกลางคืนมีความจำเป็นมากๆ คืนไหนว่าง อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ควรมาส์กหรือพอกหน้า เพราะมันจะช่วยฟื้นฟูและรักษาความชุ่มชื้นของผิวที่เจองานหนักมาทั้ง7 วัน 

8. ไม่ทาครีมบำรุงคอ

การไม่ทาครีมที่คอ ส่งผลระยะยาว  เพราะผิวหนังบริเวณคอและผิวหน้าอกก็บอบบางไม่แพ้กับผิวหน้าของเราเลย ครีมชะลอความแก่ ลดริ้วรอยที่นำมาบำรุงหน้า ควรนำมาใช้กับคอและหน้าอกด้วย 

9. ไม่ควรบีบสิว

การบีบสิว จะทำลายใต้ผิวหนัง แล้วก็จะทำให้เป็นสิวมากขึ้น  แล้วปัญหาสิวจะไม่มีวันหมดไปจากใบหน้าของเรา

10. นอนหลับโดยไม่ล้างเครื่องสำอางค์

โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันแพ้ง่ายสิวขึ้นบ่อย ควรล้างหน้าก่อนนอนทุกครั้ง เพราะจะส่งผลเสียทำให้ผิวอุดตัน

 

• ข้อมูลโดย:
• https://women.kapook.com
• www.sanook.com

 

สารสกัดจากส้มสีแดงและเบอร์รี่รวมเพื่อดูแลผิวพรรณให้กระจ่างใส

สารสกัดจากส้มสีแดง (Red Orange Complex) คือสารสกัดจากส้มสีแดง 3 สายพันธุ์จากประเทศอิตาลี ได้แก่ Moro, Tarocco และ Sanguinello ซึ่งเป็นสายพันธุ์เฉพาะที่ปลูกในแถบดินแดนทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้แก่ แอนโธไซยานิน (Anthocyanin),ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) กรดไฮดรอกซีซินนามิก (Hydroxycinnamic) และวิตามินซี (Ascorbic acid) ในปัจจุบันสารสกัดจากส้มสีแดงถูกพัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ

ในปัจจุบันการดูแลผิวพรรณจากภายใน (skin care from within) ด้วยการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนช่วยในการดูแลผิวพรรณให้กระจ่างใสกำลังได้รับความนิยม ซึ่งสารสกัดที่กำลังเป็นที่จับตามองว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและดีต่อสุขภาพนั่นก็คือสารสกัดจากส้มสีแดง หรือ ที่รู้จักในชื่อทั่วไปว่า Red Orange Complex มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Citrus sinensis L.

สารสกัดจากส้มสีแดง (Red Orange Complex) คือสารสกัดจากส้มสีแดง 3 สายพันธุ์จากประเทศอิตาลี ได้แก่ Moro, Tarocco และ Sanguinello ซึ่งเป็นสายพันธุ์เฉพาะที่ปลูกในแถบดินแดนทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายได้แก่ แอนโธไซยานิน (Anthocyanin),ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) กรดไฮดรอกซีซินนามิก(Hydroxycinnamic) และวิตามินซี (Ascorbic acid) ในปัจจุบันสารสกัดจากส้มสีแดงถูกพัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ

-สารสกัดจากส้มสีแดงกับการอักเสบของผิวและลดผดผื่นจากแสงแดด

มีการศึกษาผลของสารสกัดจากส้มสีแดงต่อการป้องกันการอักเสบและผื่นแดงจากรังสี UVB ในกลุ่มอาสาสมัคร สุขภาพดี อายุระหว่าง 26-47 ปี จำนวน 18 คน โดยให้อาสาสมัครรับประทานสารสกัดจากส้มสีแดงขนาด 100 มก. วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า และก่อนนอน เป็นระยะเวลา 15 วัน พบว่า สารสกัดจากส้มสีแดง สามารถป้องกันผิวอักเสบจาก การกระตุ้นโดยรังสี UVB และลดอาการผื่นแดงจากการแพ้แสงแดดได้อีกด้วย

-สารสกัดจากส้มสีแดงป้องกันผิวหมองคล้ำและช่วยให้ผิวขาวอย่างเป็นธรรมชาติ

มีการศึกษาผลของสารสกัดจากส้มสีแดงต่อการป้องกันผิวหมองคล้ำ ในกลุ่มอาสาสมัครสุขภาพดี อายุระหว่าง 45-70 ปี จำนวน 25 คน โดยให้อาสาสมัครรับประทานสารสกัดจากส้มสีแดงขนาด 100 มก. วันละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลา 15 วัน พบว่า สารสกัดจากส้มสีแดง ช่วยลดระดับของเมลานินที่ผิวลงและลดเลือนจุดด่างดำได้ถึง 20 % 

 

 

คุณประโยชน์ของสารสกัดจากส้มสีแดงต่อสุขภาพและผิวพรรณโดยรวม

-ช่วยลดผิวหมองคล้ำ และเพิ่มความสว่างสดใสของผิวพรรณอย่างเป็นธรรมชาติ
-ช่วยลดการอักเสบของผิว และลดผื่นแดงจากการเผชิญแสงแดด
-ชะลอความเสื่อมโทรมของผิวจากการโดนแสงแดด
-สารสกัดจากส้มสีแดงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย อีกทั้งป้องกันการเกิดโรคร้ายแรงได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดและหัวใจ เป็นต้น

 

สารสกัดจากเบอร์รี่รวม (Mixed Berry)

เป็นสารสกัดที่ได้จากเบอร์รี่รวม 11 ชนิด 8 สายพันธุ์ นำเข้าจากประเทศอเมริกา ได้แก่ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น ผงบลูเบอร์รี ผงพรุน ผงเชอร์รี ผงราสพ์เบอร์รี ผงแครนเบอร์รี ผงสตรอเบอร์รี ผงบิลเบอร์รี ผงองุ่น สารสกัดบลูเบอร์รี สารสกัดบิลเบอร์รี อุดมไปด้วยสารประกอบฟีนอลิก แอนโธไซยานิน วิตามิน และไฟเบอร์ 

 

ประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมของสารสกัดจากเบอร์รี่รวม

-อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ
-ช่วยลดไขมันในเลือดโดยเฉพาะ LDL คอเลสเตอรอล
-ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
-ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด
-ป้องกันการเกิดโรคความจำเสื่อมและโรคที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับระบบประสาท

ดังนั้น การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากส้มสีแดงและสารสกัดจากเบอร์รี่รวม จะช่วยดูแลสุขภาพผิวพรรณให้กระจ่างใส ลดการอักเสบของผิว ชะลอความเสื่อมโทรมของผิวจากการโดนแสงแดด อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆที่นำมาสู่โรคร้ายแรงได้อีกด้วย

 

 

 

เรด ออเรนจ์ คอมเพล็กซ์ 
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณ 1 แคปซูล :

-สารสกัดจากส้มแดง 150.000 มก.
-ไวต้าเบอร์รี® 40.000 มก.
-สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 19.840 มก.
-ผงบลูเบอร์รี 9.900 มก.
-ผงพรุน 2.000 มก.
-ผงเชอร์รี 2.000 มก.
-ผงราสพ์เบอร์รี 2.000 มก.
-ผงแครนเบอร์รี 1.900 มก.
-ผงสตรอเบอร์รี 0.968 มก.
-ผงบิลเบอร์รี 0.900 มก.
-ผงองุ่น 0.160 มก.
-ซิลิคอนไดออกไซด์ 0.132 มก.
-สารสกัดจากบลูเบอร์รี 0.100 มก.
-สารสกัดจากบิลเบอร์รี 0.100 มก.

รับประทาน : ครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง ก่อนอาหาร
รหัสสินค้า 41714
ปริมาณสุทธิ 30  แคปซูล
ราคาสินค้า 780 บาท

 

เรซานอล

ส่วนประกอบสำคัญ : (1 แคปซูล: 725 มิลลิกรัม)

น้ำมันรำข้าว 450 มก.
สารสกัดจากเปลือก และเมล็ดองุ่นแดง 50 มก.
สกัดจากเปลือก 70%, สกัดจากเมล็ด 30% (ให้โพลีฟีนอลรวม 46 มก. ประกอบไปด้วย: โปรแอนโธไซนานิดิน, โอลิโกเมอร์ โปรแอนโธไซยานิดิน, เรสเวอราทรอล, แอนโธไซยานิน)
สารสกัดจากข้าว 25 มก. (ให้แกมมาออริซานอล 23.8 มก.

วิธีรับประทาน : วันละ 1-4 แคปซูล พร้อมอาหาร เวลาใดก็ได้
รหัสสินค้า 80190
ปริมาณสุทธิ  60  แคปซูล
ราคาสินค้า 800 บาท

 

เมอริเนี่ยน โอลิฟ 

ส่วนประกอบสำคัญ : ใน 1 แคปซูล (700 มก.)
น้ำมันมะกอก ออแกนิก ธรรมชาติ 500 มก. (Organic Extra Virgin Olive Oil)

วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1-2 แคปซูล พร้อมอาหาร เช้า-เย็น
รหัสสินค้า 82100
ปริมาณสุทธิ : 60 แคปซูล
ราคาสินค้า 660 บาท

 

แอสต้า คิว

ส่วนประกอบสำคัญ : (ใน 1 แคปซูล: 1,754 มิลลิกรัม)

-น้ำมันจมูกข้าว 1000.40 มก. (ให้แกมมาออริซานอล 11.24 มก.)
-น้ำมันจมูกข้าวสาลี 200 มก.
-สารสกัดจากสาหร่ายฮีมาโตคอคคัส พลูวิเอลิส 40 มก. (ให้แอสตาแซนทิน 2 มก.)
-โค เอนไซม์ คิวเท็น 30 มก.
-มิกซ์แคโรทีนอยด์ 16 มก. (เบต้าแคโรทีน, แอลฟาแคโรทีน, ลูทีน, คริปโตแซนทีน และซีแซนทีน)
-ดี-แอลฟา-โทโคเฟอริล แอซีเทต คอนเซ็นเทรท 13.60 มก. (ให้วิตามินอี 10 มก.)

วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร
รหัสสินค้า 80180
ปริมาณสุทธิ  30 แคปซูล
ราคาสินค้า 1,320 บาท

สนใจสมัครตัวแทนหรือสั่งซื้อ ติดต่อ id : @clubgiff / T.083-462 5537

สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : Giffarine Club
Email : imkanokwan1980@gmail.com
โทร. 083-4625537 /Line id : @clubgiff