กิฟฟารีน วิตามินรวมผู้หญิง สุขภาพแข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน จำเป็นขั้นพื้นฐาน
กิฟฟารีน วิตามินรวมผู้หญิง มีจมูกถั่วเหลืองเป็นส่วนประกอบ และมีสารอาหารจากธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มอัตราการสร้างมวลกระดูกมากกว่าการสลายตัว คือ Isoflavones ซึ่งเป็นสาร Phytoestrogen ที่มีสูตรโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน จะช่วยเพิ่มมวลกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการสูญเสียเนื้อกระดูกในสตรีที่ฮอร์โมนเริ่มลดลงอายุ 30 ปีขึ้นไป โดยกระตุ้นการทำงานของ Osteoblast ในการสร้างกระดูกและยับยั้งการทำงานของ
osteoclast ในการสลายกระดูก นอกจากนี้ isoflavone ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายได้แก่ ลดอาการในสตรีวัยหมดประจำเดือน ลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังพบว่า Isoflavone สามารถยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นเลือดซึ่งเป็นขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับการ เจริญเติบโตก้อนมะเร็ง โดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เราจะมาดูกันว่าจมูกถั่วเหลือง มีประโยชน์ต่อผู้หญิงอย่างไรกันบ้าง
ประโยชน์ของจมูกถั่วเหลืองต่อผู้หญิง
1. ภาวะหมดประจำเดือน ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนมักมีอาการร้อนวูบวาบ หงุดหงิด มีอาการทางผิวหนังและเยื่อบุตรงช่องคลอด รวมทั้งมีอารการของโรคกระดูกพรุนและเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือดสูง การใช้ฮอร์โมนทดแทนแม้จะช่วยลดอาการไม่สุขสบายที่เกิดขึ้นแต่ก็มีความเสี่ยง ต่อโรคมะเร็งเต้านม การรับประทานอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง จะช่วยลดอาการร้อนวูบวาบและยังป้องกันโรคมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย
2. ภาวะโรคกระดูกพรุน โรคกระดูกพรุนเป็นภาวะความผิดปกติของกระดูกทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง เกิดกระดูกหักได้ง่าย สาเหตุเกิดจากขาดเอสโตรเจน ผู้หญิงหลังหมดประจำเดือนจะมีมวลกระดูกลดลง 15 % ต่อปี การรับประทานอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง จะช่วยลดอาการกระดูกพรุนของผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนได้
ประโยชน์ของจมูกถั่วเหลือง
1. ช่วยให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง
2. ช่วยเพิ่มมวลกระดูกทำให้มวลกระดูกแข็งแรงขึ้น
3. ลดอาการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
4. ลดอาการของสตรีหลังหมดประจำเดือน
5. ทดแทนฮอร์โมนเอสโตรเจนของผู้หญิง
ไฟโตเอสโตรเจน คืออะไร
ไฟโตเอสโตรเจน เป็นสารประกอบที่พบได้ในพืชมากกว่า 300 ชนิด แต่มีมากที่สุดในถั่วเหลือง โดยออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง และกระตุ้นการเจริญของอวัยวะสืบพันธุ์ของสัตว์ตัวเมีย แต่ออกฤทธิ์ได้ต่ำกว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนของคน ไฟโตเอสโตรเจนมีคุณสมบัติคล้ายเอสโตรเจน สามารถแย่งที่กับเอสโตรเจนในการจับกับตัวรับเอสโตรเจนที่มีอยู่ในทุกเซลล์ของร่างกาย และชักนำให้เกิดการตอบสนองเฉพาะต่อเอสโตรเจน โดยทั่วไปเนื้อเยื่อระบบสืบพันธุ์มีตัวรับเอสโตรเจนมากกว่าเป็นร้อยถึงพันเท่าของเซลล์กระดูกและเซลล์อื่นๆ ในร่างกาย มีงานวิจัยบ่งชี้ว่า ระดับไฟโตเอสโตรเจนในเลือดของคนหลังกินอาหารที่มีไฟโตเอสโตรเจนในปริมาณปกติ สามารถป้องกันการเติบโตของเซลล์ที่ถูกกระตุ้นด้วยเอสโตรเจนได้ ดังนั้น ไฟโตเอสโตรเจนจึงอาจจะลดหรือยับยั้งฤทธิ์ของเอสโตรเจนที่มีต่อเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่ตอบสนองต่อเอสโตรเจนได้ เช่น เนื้อเยื่อเต้านม เป็นต้น การบริโภค ไฟโตเอสโตรเจนจึงอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมได้
ไฟโตเอสโตรเจน แบ่งได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่ ไอโซฟลาโวน (isoflavones) คูเมสแตน (coumes-tans) และลิกแนน (lignan) ไฟโตเอสโตรเจนที่พบมากในอาหารที่กินเป็นประจำวัน คือ ไอโซฟลาโวน ซึ่งมีในถั่วหลายชนิด แหล่งอาหารสำคัญของไฟโตเอสโตรเจนที่ร่างกายของคนได้รับ คือ ถั่วเหลือง ในถั่วเหลืองมีไอโซฟลาโวน ที่สำคัญคือ ไดซีน (daidzein) และ จีนีสทีน (genistein)
ถั่วเหลืองกับภาวะหมดประจำเดือน
ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน มักมีอาการร้อนวูบวาบ หงุดหงิด มีอาการทางผิวหนังและเยื่อบุบริเวณช่องคลอด (อักเสบ แห้ง) รวมทั้งมีอัตราการเป็นโรคกระดูกพรุน และอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือดสูงขึ้น การใช้ฮอร์โมนทดแทนแม้จะช่วยลดอาการไม่สุขสบายที่เกิดขึ้นแต่ก็มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านม การกินอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง ซึ่งมีไอโซฟลาโวนเป็นส่วนประกอบและ มีสูตรโครงสร้างคล้ายเอสโตรเจนอย่างสม่ำเสมอ จึงอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้หญิงที่ไม่ต้องการใช้ฮอร์โมนทดแทน เพื่อช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ แล้วยังอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งเต้านม และมะเร็งอื่นๆ ที่สัมพันธ์กับฮอร์โมน รวมทั้งลดระดับไขมันในเลือดได้ มีการศึกษาจำนวนมากที่บ่งชี้ว่า การกินโปรตีนถั่วเหลืองที่มีไอโซฟลาโวนหรือการเสริมไอโซฟลาโวนสามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและลดอาการร้อนวูบวาบที่เกิดจากภาวะหมดประจำเดือน การศึกษาในประเทศญี่ปุ่นพบว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นที่กินผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองมากทั้งในแง่ปริมาณรวมของถั่วเหลืองและไอโซฟลาโวนจะมีความถี่ของอาการร้อนวูบวาบน้อยกว่า
จากการวิเคราะห์ผลงานวิจัย 10 เรื่อง เพื่อศึกษาประโยชน์ของการกินถั่วเหลืองและไอโซฟลาโวน พบว่าผลการศึกษายังมีความขัดแย้งกัน คือ มี 4 การศึกษาที่แสดงถึงประโยชน์ของการกินไอโซฟลาโวน ตั้งแต่ 34-134 มิลลิกรัมต่อวัน ทั้งในรูปแป้งถั่วเหลือง โปรตีนถั่วเหลือง หรือสกัดใส่แคปซูลในการช่วยลดกลุ่มอาการที่เกิดจากภาวะหมดประจำเดือน ขณะเดียวกันอีก 6 งานวิจัยไม่แสดงความแตกต่างระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม
ความหมายและความสำคัญเกี่ยวกับวิตามินและเกลือแร่รวม
เกลือแร่และวิตามิน (Vitamins and Minerals) เป็นกลุ่มของสารอาหารที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้พลังงานแก่ร่างกายเพราะโดยตัวของมันเองแล้วเกลือแร่และวิตามินไม่ได้ให้พลังงานแก่ร่างกายแต่ความสำคัญของเกลือแร่และวิตามินก็มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าสารอาหารกลุ่มอื่นๆ มิหนำซ้ำยังมีความสำคัญมากกว่าสารอาหารอื่นๆอีกหลายชนิดด้วยซ้ำไป
ความสำคัญของเกลือแร่และวิตามิน คือเป็นส่วนประกอบของสารสำคัญต่างๆในร่างกายและยังเป็นตัวช่วยทำให้ปฏิกิริยาต่างๆทางชีวเคมีในร่างกายของคนเราดำเนินไปตามปกติ หากร่างกายขาดหรือได้รับเกลือแร่และวิตามินไม่เพียงพอก็จะส่งผลให้ระบบต่างๆของร่างกายทำงานผิดพลาดหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพอันจะทำให้เกิดผลเสียหายต่อสุขภาพตั้งแต่เรื่องเล็กๆจนถึงขั้นก่อให้เกิดโรคที่ร้ายแรงตามมาได้
การที่ร่างกายขาดเกลือแร่และวิตามิน ก็เปรียบได้กับเครื่องยนต์ที่ขาดสารหล่อลื่น ถึงแม้เกลือแร่และวิตามินจะไม่ได้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญแต่หากขาดเกลือแร่และวิตามินที่เปรียบเสมือนสารหล่อลื่นในเครื่องยนต์จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพและเกิดการสึกหรอเร็ว หากฝืนใช้เครื่องยนต์ต่อไปทั้งๆที่ขาดสารหล่อลื่นเป็นเวลานานๆก็อาจทำให้ชิ้นส่วนอื่นๆของเครื่องยนต์เกิดการชำรุดเสียหายได้
ระดับความสมดุลของเกลือแร่และวิตามินในร่างกาย ต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมจึงจะช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้โดยธรรมชาติ(ไม่ต้องพึ่งยา)เพราะร่างกายจะต้องอาศัยปฏิกิริยาเคมีจากเซลล์ต่างๆในร่างกาย ปฏิกิริยาของเซลล์ต่างๆจะดำเนินไปโดยราบรื่นได้ต้องอาศัยเอ็นไซม์ (Enzyme) ต่างๆ และเอ็นไซม์ก็ต้องอาศัยวิตามินอีกทอดหนึ่งในการทำงานให้ได้ตามปกติ ทำให้เห็นถึงความสำคัญของเกลือแร่และวิตามินเนื่องจากการขาดเกลือแร่และวิตามินจะทำให้ระบบการทำงานของร่างกายผิดไปจากปกติ
ในปัจจุบันมีการค้นพบคุณสมบัติใหม่ๆของวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) นอกจากจะทำหน้าที่ในการเร่งปฏิกิริยาเคมีในร่างกายแล้วยังมีคุณสมบัติในการป้องกันและรักษาโรคได้อีกหลายชนิดเช่น วิตามินซีที่เชื่อกันว่ามีคุณสมบัติในการป้องกันโรคตั้งแต่ไข้หวัดจนถึงมะเร็งได้และหากร่างกายได้รับวิตามินซีขนาด 3,200 – 12,000 มิลลิกรัม/วัน จะสามารถทำให้คนเรามีอายุยืนยาวกว่าปกติ
จะรับประทานวิตามินเสริมอาหารเมื่อใด
ช่วงเวลาที่แนะนำสำหรับรับประทานวิตามินคือ พร้อมมื้ออาหารหรือหลังอาหาร เนื่องจากวิตามินเป็นสารอินทรีย์ จึงควรรับประทานพร้อมอาหารและแร่ธาตุอื่นๆเพื่อการดูดซึมที่ดีที่สุด
หากคุณต้องรับประทานวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ได้แก่ วิตามิน B และ C ซึ่งจะถูกขับออกทางปัสสาวะอย่างรวดเร็ว คุณสามารถรับประทานพร้อมอาหารเช้า กลางวันและเย็นได้ จะช่วยให้ร่างกายคุณมีวิตามินในระดับสูงตลอดทั้งวัน แต่ถ้าไม่สะดวกที่จะรับประทานหลังอาหารทุกมื้อ อาจรับประทานครึ่งหนึ่งหลังอาหารเช้าและอีกครึ่งหนึ่งหลังอาหารเย็นแทนได้
หากคุณต้องรับประทานวิตามินทั้งหมดภายในมื้อเดียวควรเลือกรับประทานหลังอาหารมื้อใหญ่สุดของวัน และอย่าลืมว่า แร่ธาตุสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูดซึมของวิตามิน คุณจึงควรรับประทานวิตามินและแร่ธาตุไปพร้อมๆกัน
ขอบคุณข้อมูล : https://www.thaibio.com
-https://www.doctor.or.th
-www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/
-thai-good-health.blogspot.com
-www.sanook.com/women/10583
ซูปรา-วิตดับเบิ้ลยู ( วิตามินรวม ผู้หญิง )
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 เม็ด:
ไดแคลเซียมฟอสเฟต ไดไฮเดรต 625 มก.
ผงวิตามินและเกลือแร่รวม 250 มก.
จมูกถั่วเหลือง 100 มก.
ฆอ.4684/2555
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร
คำเตือน: อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
รหัสสินค้า 40516
ปริมาณสุทธิ : 60 เม็ด
ราคาสินค้า 480 บาท
สนใจสมัครตัวแทนหรือสั่งซื้อ ติดต่อ id : @clubgiff / T.083-462 5537
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : Giffarine Club
Email : imkanokwan1980@gmail.com
โทร. 083-4625537 /Line id : @clubgiff