กิฟฟารีน ไขมันเกาะตับทานอะไร ไขมันพอกตับ อาหารเสริมที่ช่วยดูแลตับ
กิฟฟารีน ไขมันเกาะตับทานอะไรดี ตับเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าอวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย ฉะนั้นแล้วการดูแลและปกป้องก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก วันนี้กิฟฟารีนขอนำเสนออาหารเสริมที่ช่วยดูแลตับของคุณด้วยชุดอาหารเสริมประกอบด้วย เลซิติน เจียวกู่หลาน โคลีน บี
ตับ เป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย ทำหน้าที่สำคัญหลายประการ เมื่อใดก็ตามที่ตับทำงานไม่เป็นปกติ เช่น ไขมันพอกตับ ตับอักเสบ ตับแข็ง จะเกิดอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ภูมิต้านทานต่ำ ขาดโปรตีน บวม เลือดออกง่าย แผลหายช้า น้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำกว่าปกติ ไขมันในเลือดสูง ท้องมาน อาการทางสมอง ไตวาย หัวใจวาย และส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกายในทุกระบบ
ปัจจุบัน มีผู้ป่วยที่ต้องเผชิญกับปัญหาโรคเกี่ยวกับตับเป็นจำนวนมาก โดยมีงานวิจัยรายงานว่า 30% ของคนทั่วไป มีภาวะไขมันพอกตับ(ศึกษาโดยการตรวจเนื้อเยื่อ) โดยกว่า 70% ของคนอ้วน จะมีภาวะไขมันพอกตับ และมีความเสี่ยงต่อภาวะตับอักเสบและตับแข็ง และ95% ของคนอ้วนที่ดื่มสุรา จะมีภาวะไขมันพอกตับ และมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นตับอักเสบและตับแข็งได้
นอกจากนี้ ยังพบว่า โรคเรื้อรังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โคเลสเตอรอลสูง ไตรกลีเซอไรด์สูง จะมีส่วนเชื่อมโยงให้เกิดโรคเกี่ยวกับตับโดยเฉพาะไขมันพอกตับได้ มีรายงานว่า 80% ของผู้ป่วยเบาหวาน มีภาวะไขมันพอกตับ และมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคตับแข็งสูงกว่าการเสียชีวิตจากโรคหัวใจด้วยสัดส่วน 2.7 : 1.8 เลยทีเดียว
สารฟอสฟาทิดิลโคลีน มีบทบาทในการบำรุงตับ ดังนี้
· ช่วยในการกำจัดไขมันออกจากเซลล์ตับ
· ยับยั้งการสะสมไขมันในเซลล์ตับ
เลซิตินที่มีฟอสฟาทิดิลโคลีนสูง จะช่วยแก้ปัญหาไขมันพอกตับได้เป็นอย่างดี
เลซิติน (Lecithin) เป็นไขมันในกลุ่มฟอสโฟไลปิด (Phospholipid) ซึ่งอุดมด้วยสารฟอสฟาทิดิล โคลีน (Phosphatidyl Choline)ที่มีคุณสมบัติเข้ากันได้กับทั้งน้ำและน้ำมัน ถือเป็นตัวทำละลายที่ดี ช่วยในการทำละลายโคเลสเตอรอลในเลือดให้แตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็กๆ จึงลดการสะสมของไขมันที่ตับและลดการสะสมของไขมันในผนังหลอดเลือด
แหล่งของเลซิตินที่พบได้ตามธรรมชาติมีอยู่ 2 แหล่งที่สำคัญ คือ
1. ร่างกายของมนุษย์สามารถผลิตเลซิตินได้เองที่ “ตับ” แต่หากร่างกายขาดสารตั้งต้นสำหรับใช้ผลิตเลซิติน เช่น กรดไขมันจำเป็น วิตามินบี และสารอาหารสำคัญอื่นๆ ก็จะส่งผลให้ร่างกายสร้างเลซิตินได้ไม่เพียงพอ
2. แหล่งธรรมชาติพบได้ทั้งในพืชและสัตว์ โดยจะพบมากในไข่แดง ถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง จมูกข้าว เป็นต้น แต่การบริโภคอาหารเหล่านี้ในปริมาณมากมักจะให้โคเลสเตอรอลสูงตามมาด้วย
ปัจจุบันจึงมีการสกัดเลซิตินเข้มข้นจากไข่แดงและถั่วเหลือง ซึ่งเลซิตินที่สกัดจากถั่วเหลืองจะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันสุขภาพได้ดีกว่าแหล่งอื่นๆ เพราะมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวมากที่สุดและปราศจากโคเลสเตอรอลนั่นเอง
ปัจจุบันการรักษาทางการแพทย์ได้ใช้เลซิตินในการบำบัดโรคทางสมองต่าง ๆ เช่น โรคพาร์คินสัน (Parkinson’s Disease) โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) ซึ่งเป็นโรคทางสมองที่เกิดจากเซลล์ประสาทขาดสารอะซิทิลโคลีน (Acetylcholine) หรือคนชราที่ป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม โดยพบว่าผู้สูงอายุที่มีภาวะความจำเสื่อมบางรายจะมีอาการดีขึ้นเมื่อได้รับประทานเลซิตินวันละ 25 กรัมติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ระยะเริ่มแรกพบว่า เมื่อได้รับโคลีนเป็นระยะเวลา 6 เดือน จะช่วยให้ความจำดีขึ้นได้ หรือการให้โคลีนร่วมกับยาที่ใช้รักษา (Cholinesterase Inhibitors) ทำให้มีการพัฒนาความสามารถที่ต้องใช้ความจำเพิ่มขึ้นได้
· ลดการดูดซึมโคเลสเตอรอล ดูแลหลอดเลือดและหัวใจละลายไขมัน ป้องกันการตกตะกอนของไขมันในผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแข็งและตีบตัน ป้องกันการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต
โดยมีการศึกษาทั้งในสัตว์ทดลองและผู้มีภาวะระดับโคเลสเตอรอลสูงพบว่า เลซิตินจะลดการดูดซึมโคเลสเตอรอล สามารถลดระดับไขมันชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ได้อีกทั้งช่วยเพิ่มระดับไขมันชนิดดี (HDL)ได้อีกด้วย จากคุณสมบัติดังกล่าว จึงทำให้ลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ป้องกันภาวะหัวใจขาดเลือด อันนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือหัวใจวายเฉียบพลัน
· ลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี เลซิตินจะเพิ่มความสามารถในการทำละลายของน้ำดี ทำให้สารแขวนลอยในน้ำดีไม่จับตัวเป็นก้อนจนกลายเป็นนิ่ว เพิ่มการหลั่งและการไหลเวียนของน้ำดี และลดค่าดัชนีไขมันอิ่มตัว (Cholesterol saturation index)
· ช่วยลดน้ำหนักลดไขมันสะสม โดยช่วยละลายไขมัน จึงเผาผลาญไขมันได้ดี
อย่างไรก็ตาม การได้รับเลซิตินเพียงอย่างเดียว อาจแก้ปัญหาทางสุขภาพได้ไม่เพียงพอ เนื่องจากถึงแม้ว่า เลซิตินจะช่วยลดการสะสมไขมันที่ตับและผนังหลอดเลือดได้ แต่ยังคงหลงเหลือไขมันบางส่วนที่ยังสะสมอยู่ในเซลล์ดังกล่าว และยังมีไขมันบางส่วนในกระแสเลือดที่มีโอกาสเกิดการสะสมพอกพูนได้เพิ่มเติม ดังนั้น ร่างกายจึงต้องการสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงเพิ่มเติม เพื่อปกป้องไขมันเหล่านี้ไม่ให้เกิดการออกซิเดชั่น และลดการอักเสบของเซลล์ จึงลดโอกาสการเกิดไขมันพอกตับและผนังหลอดเลือดได้อีกทางนั่นเอง
เสริมประสิทธิภาพการทำงานของเลซิตินได้อย่างเต็มที่ ด้วยแคโรทีนอยด์จากธรรมชาติ 4 ชนิด และวิตามิน อี
กล่าวกันว่า เลซิตินเพียงอย่างเดียว แก้ปัญหาสุขภาพสมอง หัวใจ หลอดเลือด มะเร็ง และผิวพรรณ ได้เพียง 30% แต่หากได้รับเลซิตินชนิดฟอสฟาทิดิลโคลีนสูง เสริมด้วยแคโรทีนอยด์จากธรรมชาติ 4 ชนิดและวิตามิน อี จะแก้ปัญหาดังกล่าวได้ถึง 100%
แคโรทีนอยด์จากธรรมชาติ 4 ชนิด(อัลฟาแคโรทีน เบต้าแคโรทีน แกมม่าแคโรทีน และไลโคปีน)
สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยชะลอความแก่และความเสื่อมของเซลส์ ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม
· ดูแลปกป้องตับ โดยยับยั้งการเข้าจู่โจมของอนุมูลอิสระต่อเซลล์ตับจึงลดการสะสมของไขมันในตับ ป้องกันตับอักเสบ ป้องกันการเกิดมะเร็งตับจากพิษAflatoxin B1 (พิษจากเชื้อรา) และปกป้องตับจากเหล้า รวมทั้งภาวะน้ำตาลในเลือดสูงในคนไข้เบาหวาน
· ลดการทำลายผนังหลอดเลือดจากอนุมูลอิสระ ป้องกันหลอดเลือดอักเสบและลดการออกซิเดชั่นของไขมันในหลอดเลือด จึงลดการเกิดไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือด ป้องกันภาวะหลอดเลือดแข็งตัว ลดโอกาสการเกิดหลอดเลือดตีบตันของทุกอวัยวะ
· ปกป้องสารพันธุกรรมจากการจู่โจมของอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งทุกชนิด
· ปกป้องเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวพรรณสดใส อ่อนวัย
วิตามินอี
วิตามินอี มีชื่อเรียกว่าTocopherol ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในร่างกาย แต่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหาร
· ช่วยต้านไม่ให้หลอดเลือดแข็งตัว ขยายหลอดเลือดฝอย
· ป้องกันการเกาะตัวของเกร็ดเลือดที่ผนังหลอดเลือด
· ลดโคเลสเตอรอล
· มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
ซึ่งการใช้แคโรทีนอยด์และวิตามินอีร่วมกัน จะส่งเสริมประสิทธิภาพการต้านออกซิเดชั่นได้ดียิ่งขึ้น โดยมีงานวิจัยรายงานว่า การเสริมแคโรทีนอยด์รวม ร่ามกับวิตามิน อี จะเสริมฤทธิ์กันในการปกป้องเซลล์ตับจากอนุมูลอิสระ และสามารถลดการเกิดมะเร็งตับในคนไข้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบได้ถึง50%
เอกสารอ้างอิง :
· Carcinogenesis,1998 Mar; 19(3): 403-411
· Cholesterol. Vol. 2010, Article ID 824813, 4 pages
· Current Therapeutic Research, 2004 May-June; 65(3): 266-277
· E Encyclopedia of Natural Medicine. Revised 2nd ed. 1998, USA: Prima Publishing. pp 299, 283, 481.
· Gastroenterology 1992; 102(4Pt1) :1363-1370, PMID : 1551541
· Gastroenterology 1994; 106:152-159
· Gastroenterology and Hepatology, 2007; 22: 794-800
· Hepatology, 2003; 37(5): 1202-1219
· International Symposium on Human Health: Favhealth 2007
· National Cancer Center Kyoto Perfetural University of Medicine, Kyoto, Japan
เลซิติน
ส่วนประกอบที่สำคัญใน 1 แคปซูล (1,900 มก.) ประกอบด้วย :
เลซิติน 1,200 มก.
(ประกอบไปด้วยฟอสฟาติดิลโคลีน 192 มก.)
มีเดียมเชนไตรกลีเซอรร์ไรด์ 266.4 มก.
มิกซ์แคโรทีนอยด์ 20.0 มก.
ดีแอลฟาโทโคฟริลอะซีเตต 13.6 มก.
(ให้วิตามิน อี 14.96 IU)
วิธีใช้ : ทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร
รหัสสินค้า 82023
ปริมาณสุทธิ : 60 แคปซูล
ราคาสินค้า 680 บาท
เจียวกู่หลาน 250
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล : สารสกัดจากเจียวกู่หลาน 20 % Jiaogulan Extract 20 % 62.97 % (250 มก.) (ให้กิปิโนไซด์ 50 มก.)
ฆอ.4661/2555
วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2ครั้ง ก่อนอาหารเช้า-เย็น
คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
รหัสสินค้า 41018
ปริมาณสุทธิ : 60 แคปซูล
ราคาสินค้า 420 บาท
โคลีน บี
ส่วนประกอบที่สำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล : โคลีน ไบทาร์เทรต 445.75 มก. (ให้โคลีน 183.34 มก.) วิตามินบี 1, วิตามิน บี 2 และวิตามินพรีมิกซ์รวม 19.64 มก. (ให้วิตามินบี 1 0.30 มก., วิตามินปี 2 0.34มก., วิตามินบี 3 3.71มก., วิตามินบี 5 1.22มก., วิตามินบี 6 0.46 มก. และวิตามินบี 12 0.55 มก.)
วิธีรับประทาน : วันละ 1-3 แคปซูล พร้อมอาหาร
คำเตือน : อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค ไม่มีผลในการป้องกัน หรือรักษาโรค
รหัสสินค้า 41007
ปริมาณสุทธิ : 30 แคปซูล
ราคาสินค้า 280 บาท
เซ็ทละ 1,380 บ. ( ส่งฟรี )
สนใจสมัครตัวแทนหรือสั่งซื้อ ติดต่อ id : @clubgiff / T.083-462 5537
สั่งซื้อออนไลน์ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Fanpage : Giffarine Club
Email : imkanokwan1980@gmail.com
โทร. 083-4625537 /Line id : @clubgiff